วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์ รากและดอกบำรุงร่างกาย และแผนธุรกิจกาโน

                เห็ดหลินจือกาโนชลบุรี


เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์
เห็ดหลินจือแดงของกาโน
สายพันธุ์ คิมซัน,  ยูอี,  นกยูงรำแพน,  สมอง,  หัวใจ,  ตับ 

เห็ดหลินจือ ตราจีอี
ของ บริษัท กาโน เอ็กเซล เอ็นเตอร์ไพรส์

ผลิตภัณฑ์สกัดจากเห็ดหลินจือแดงรากและดอก สรรพคุณบำรุงร่างกาย
สกัดโดยใช้เทคโนโลยีสกัดเย็น
ผ่านการรับรองจาก อ.ย. ขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ โรงงานได้มาตรฐาน

รับประกันสินค้า
"หากไม่พอใจสินค้า ยินดีรับคืนภายใน 7 วัน นับจากวันรับสินค้า"
ฟรี ค่าจัดส่ง ทั่วประเทศไทย   จัดส่งเป็นผัสดุทางไปรษณีย์ EMS

ข้อมูลบริษัท กาโน เอ็กเซล เอ็นเตอร์ไพรส์ [http://www.ganoexcel.com]

บริษัท กาโน เอ็กเซล เอ็นเตอร์ไฟรส์ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 ที่เมืองอะลอสตาร์ รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย คลิก อ่านประวัติ ขณะนี้ได้ขยายฐานการจำหน่ายไปทั่วโลก ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือโดยเฉพาะ บริษัทกาโน เอ็กเซลฯ ได้เพาะพันธุ์เห็ดหลินจือแดงของเราเองและเป็นโรงเพาะหลินจือที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย มีเนื้อที่รวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 200 ไร่ เป็นโรงเพาะเห็ดหลินจือปลอดสารพิษ 40 โรงเพาะ เนื้อที่ 80 ไร่ ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัตโนมัติ ส่วนตัวโรงงานของกาโน เอ็กเซล แห่งใหม่ได้เปิดทำการแล้ว ด้วยการลงทุนที่เพิ่มอีก 200 ล้านบาท ได้มาตราฐาน GMP (Good Manufacturing Practices) และมาตราฐาน HACCP ตลอดจน ISO 9001:2000 และ ISO 14001 ซึ่งได้รับการรับรองจากนานาชาติเป็นการรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ของเรา มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล เราเชื่อมั่นในสินค้าที่มีคุณภาพและ ใช้ได้ผลอย่างแท้จริง

เราใส่ใจคุณภาพและความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์จากเห็ดหลินจือของเรา ผลิตจากรากและดอกของเห็ดหลินจือแดง (Ganoderma Lucidum) ซึ่งมีคุณสมบัติการบำบัดรักษาสูงสุด และเราใช้เห็ดหลินจือแดง (Ganoderma Lucidum) จำนวน 6 สายพันธ์ ที่มีคุณสมบัติทางยาดีที่สุด ไม่มีการใส่สารเคมี หรือยาฆ่าแมลง หรือฮอร์โมนใดๆ ดอกเห็ดหลินจือใช้เวลาการเจริญเติบโต 3 เดือน ยกเว้นสายพันธุ์แดงรูปหัวใจกับตับจะใช้เวลา 4 เดือน ถึงจะเริ่มทำการเก็บเกี่ยวมาสกัด ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการผลิต สกัดโดยใช้เทคโนโลยีการสกัดเย็นเพื่อคงคุณภาพของเห็ดหลินจือไว้ครบถ้วน

รูปภาพเห็ดหลินจือแดงของกาโน

ดูฟาร์มเพาะเห็ดหลินจือ Organic ของกาโนเอ็กเซล


ข้อมูลสินค้า
เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์ 1 ชุด ราคา 1,570 บาท ลดเหลือ 1,450 บาท ประกอบด้วย 2 กระปุก คือ
  1. เห็ดหลินจือ (ดอก) ตรา จี อี ยาแผนโบราณ ทะเบียนเลขที่ G 120/45
    สกัดโดยเทคโนโลยีสกัดเย็น บรรจุ 90 แคปซูล ( 1 แคปซูล 375 มิลลิกรัม )
  2. เห็ดหลินจือ (ราก) ตรา จี อี ยาแผนโบราณ ทะเบียนเลขที่ G 121/45
    สกัดโดยเทคโนโลยีสกัดเย็น บรรจุ 90 แคปซูล ( 1 แคปซูล 375 มิลลิกรัม )
รับประกันสินค้า
"หากไม่พอใจสินค้า ยินดีรับคืนภายใน 7 วัน นับจากวันรับสินค้า"

วิธีการจัดส่งสินค้า
จัดส่งเป็นผัสดุทางไปรษณีย์ EMS : ฟรี ค่าจัดส่ง ตั้งแต่ 4 ชุดขึ้นไป(เฉพาะในประเทศไทย) 



ประโยชน์อันมหาศาลของ ชากาโน







       พวกเราครอบครัวกาโนรู้ถึงคุณประโยชน์ของ ชากาโน หรือชาเอ็สโอดี. ในการใช้ล้างแผลสด แผลเปื่อย แผลเบาหวาน แผลกดทับกันอย่างดี เป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ เหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน ส่วนใหญ่มักจะรู้เพียงแค่นี้ หรืออาจมากกว่านี้ก็เล็กน้อย

ในความเป็นจริง ชากาโน มีประโยชน์อันมหาศาลที่ครอบครัวกาโนยังไม่รู้ชัดเจนมากนัก ดังนั้น เรามาทำความรู้จักและเข้าใจ ชากาโน ให้มากกว่านี้ แล้วคุณจะรู้ว่า ประโยชน์ของ ชากาโน มีมหาศาล เกินกว่าที่เราเคยคิดกัน
ชากาโน หรือชาเอ็สโอดี.ของกาโน แตกต่างจากชาจีน หรือชาเขียวของญีปุ่น เรามักจะพบว่า หลาย ๆ คนเป็นห่วงและกังวลว่า ดื่มชากาโนมากไปจะทำให้ “ท้องผูก”  ตรงนี้แหละครับที่เป็นจุดเด่นของ ชากาโน ที่เรานำมาจากชาที่เรียกว่า “ชารอยบอส” (Rooibos) ที่มีแห่งเดียวในอัฟริกาใต้เท่านั้น เป็นพืชท้องถิ่นที่คนพื้นเมืองเก่าแก่หลายพันปีใช้เป็น “พืชยา” หรือ “สมุนไพร” มหัศจรรย์ในการรักษาโรคต่าง ๆ เป็นชาที่แทบจะไม่มี “สารแทนนิน” อันเป็นสารที่มีมากในชาจีนหรือชาเขียวที่ทำให้คนดื่มมักมีอาการท้องผูก แต่ในชารอยบอส หรือชากาโนของเรา มีสารชนิดนี้ต่ำมาก จนไม่มีผลทำให้ท้องผูก ชากาโนยังเหมาะสำหรับคนที่โลหิตจาง เนื่องจากไม่มีธาตุเหล็ก แต่เมื่อดื่มชากาโนจะไม่ไปยับยั้งการดูดซึมของธาตุเหล็กในร่างกาย
หญิงตั้งครรภ์มักจะถูกห้ามดื่มชาจีน ชาฝรั่งหรือชาเขียว เพราะสารแทนนินมักจะทำให้ร่างกายพร่องธาตุเหล็ก มีโอกาสทำให้เด็กในท้องเกิดปัญหาเมื่อคลอด รวมถึงเด็กทารกที่ดื่มนมแม่ก็จะพลอยทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กมีปัญหา ทำให้กระดูกและฟันของเด็กทารกมีปัญหาในภายภาคหน้า แต่กับเครื่องดื่มชากาโน หรือชารอยบอส จะไม่มีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น
นอกจากนั้น คุณแม่ลูกอ่อน ดื่มชากาโนอย่างไร้ปัญหาที่จะถ่ายเทสารแทนนินหรือคาเฟอีนไปสู่ลูกจากการให้น้ำนมแม่แน่นอน กลับเป็นประโยชน์ให้กับลูกด้วยซ้ำ เพราะในชากาโนประกอบด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยอันเหมาะสมมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นธาตุแคนเซี่ยม แมกนีเซี่ยม โปรแทสเซี่ยม ทองแดง แมงกานีส และ ฟลูออร์ไรด์ ซึ่งจะเข้าไปพัฒนาการกระดูกและฟันของลูกน้อยได้อย่างดี  อีกทั้งเหมาะสำหรับทารกที่เป็นผื่นคันบริเวณที่ผ้าอ้อมรัดจนระคายเคือง ให้ใช้ชากาโนทาบริเวณดังกล่าวจะลดอาการระคายเคืองได้อย่างดี รวมถึงการใช้แก้ไขรักษาอาการผิวหนังอักเสบ หรือเป็นสิวได้อย้างดีทีเดียว
เรามักจะได้ยินได้ฟังมาเยอะว่า อย่าดื่มกาแฟนะ อย่าดื่มชานะ เพราะมีคาเฟอีน ดื่มแล้วจะติด ดื่มแล้วจะทำให้เป็นโน้นเป็นนี่ (ทั้ง ๆ ที่คาเฟอีนก็ใช่ว่าจะมีแต่โทษ มีประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกมากมายเหมือนกัน) ในชากาโน แท้จริงแล้ว เป็นชาที่ “ไร้คาเฟอีน” เหมาะสำหรับท่านที่ไม่อยากดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ชากาโน จึงช่วยให้หลับสบาย ไม่ทำให้ปวดศีรษะ ไม่เครียด และไม่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า
เช่นเดียวกัน เนื่องมาจากเป็นชาที่มีสารแทนนินต่ำ นอกจากไม่ทำให้ท้องผูกแล้ว ก็เป็นชาที่มีแคลอรี่ต่ำอีกด้วย จึงเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มได้ตลอดทั้งวัน และไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม ชากาโน ยังเหมาะกับคนทีมีปัญหาอาหารไม่ย่อย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียร แสบร้อนหน้าอก กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ดีอีกด้วย
ในชากาโนยังมีสารเดิมตามธรรมชาติที่ปรับผิวได้อย่างดี จึงได้มีการนำสารจากชารอยบอสไปใช้ในเครื่องสำอาง ดังเช่นสังกะสีและกรดอัลฟาไฮดรอกซี่ หรือกรดผลไม้ในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างดี
ที่สำคัญ ชากาโนหรือชารอยบอสมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระตัวการที่ทำให้เป็นมะเร็ง อย่างน้อยถึง 2 ชนิด
ชนิดแรกคือ SOD (ซูเปอร์ออกไซด์ดีมูลเทสต์) ที่มีมากกว่าในร่างกายมนุษย์ทั่วไปถึง 50 เท่า แล้วก็มีตัวต่อต้านอนุมูลอิสระอีกตัวที่เรียกว่า โพลิฟินอล สารต่อต้านอุมูลอิสระทั้งสองตัวช่วยกันลดสารอนุมูลอิสระในร่างกายให้น้อยลง เท่ากับเป็นการต่อต้านการเกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น มะเร็ง การอุดตันในเส้นเลือด อีกทั้งช่วยดูแลสุขภาพผิวพรรณ ก็เท่ากับลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ปรับให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส เรียกว่า ชะลอความแก่ได้อย่างดีทีเดียว.

เห็ดหลินจือแดง และวิธีบริโภคเห็ดหลินจือแดง

                                                       เห็ดหลินจือแดง 
     เห็ดหลินจือแดง มีชื่อเสียงเรื่องเป็นสมุนไพรรักษาโรคมานาน และถือได้ว่าเป็นยาวิเศษรักษาโรคได้สารพัดชนิด ปัจจุบันกำลังเป็นที่สนใจมากขึ้น ได้มีการศึกษาถึงสรรพคุณทางยาที่จะนำมาใช้ในการรักษาโรค
     ลักษณะทางกายภาพของเห็ดหลินจือนั้น จะพบได้ในป่าเขตอบอุ่นและเขตร้อน โดยจะขึ้นอยู่กับขอนไม้ที่ตายแล้ว เช่นต้นคูณ ต้นก้ามปู ต้นหางนกยูงฝรั่ง ยางพารา มะขาม ต้นหมาก เมื่อตอนที่ขึ้นมาใหม่ ๆ ดอกเห็ดจะมีลักษณะเป็นแท่ง จากยอดโคนลงมาเป็นสีขาว เหลือง และน้ำตาล เมื่อเจริญเติบโตจนสมบูรณ์ ส่วนบนจะแผ่ขยายรูปคล้ายพัด และมีสีน้ำตาลอมแดง จึงเป็นที่มาของชื่อเห็ดหลินจือแดงนั่นเอง
     นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาทดลองวิจัยสารสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในเห็ดหลินจือ พบว่ามีมากกว่า 150 ชนิด ซึ่งนั่นทำให้เห็ดหลินจือมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสรรพคุณในการบำบัดโรคเราลองมาดูกันซะหน่อยว่า สรรพคุณทางยาที่นักวิจัยต่าง ๆ ได้ศึกษามาแล้วนั้นมีอะไรบ้าง
     -สรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระ  (Antioxidant) ป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง และการแก่ก่อนวัยของคุณผู้หญิงทั้งหลายด้วย
     -มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ
     -ช่วยในการบำรุงตับและเพิ่มคุณสมบัติในการทำลายสารพิษ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคตับอักเสบ
     -สามารถสร้างระบบภูมิต้านทาน เพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว ช่วยต้านทานไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเซลล์มะเร็ง โดยจะมีสาร (Polysaccharide)  จะช่วยกระตุ้นเซลล์ (Lymphocyte-T)  ทำให้บรรเทาการเกิดโรคภูมิแพ้ ผื่นคัน และหอบหืดได้
     -ล้างพิษในร่างกาย (Detoxification) สารสำคัญต่าง ๆ ในเห็ดหลินจือ กระจายไปทั่วร่างกายเพื่อขับไล่พิษ สารพิษและสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค เช่น กรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็ง หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย
     ทั้งนี้กระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจืออาจทำให้เกิดอาการปวดศรีษะ วิงเวียน คลื่นไส้ มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่รับประทาน 3-7 วัน จนเห็ดหลินจือได้ขับสารพิษออกจากร่างกายและร่างกายเริ่มปรับสภาพได้แล้ว
     -สารเคมีในเห็ดหลินจือ ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท จึงทำให้นอนหลับสนิท
      วิธีทานเห็ดหลินจือที่สำคัญ คือต้องดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้กระบวนการล้างพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสำหรับผู้ที่ทานยาแผนปัจจุบันก็ยังสามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้โดยไม่ต้องหยุดยาของแพทย์ แต่ควรรับประทานให้ห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฏีการแพทย์ผสมผสาน

        ใครที่สามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้บ้าง
     จากสรรพคุณที่ช่วยในการป้องกันและการบำบัดรักษา จึงเหมาะกับโรคของผู้สูงวัยและก่อนผู้สูงวัย ที่มีปัญหาเรื่อง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคตับ โรคไต โรคหอบหืด ภูมิแพ้ต่าง ๆ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ รวมทั้งสามารถให้เป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่จะนำไปสู่โรคมะเร็ง และช่วยชะลอความแก่ได้ แต่คนหนุ่มสาวที่ใส่ใจกับสุขภาพ ก็สามารถทานได้ จึงเหมาะสมกับ
     - ผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์แดง อาหารที่มีไขมันสูง ของปิ้ง ย่าง ทอด
     - ผู้ทีชอบสูบบุหรี่ หรือ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
     - ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือมีประวัติว่าญาติสนิทเป็นโรคดังกล่าว
     - ผู้ที่เป็นไข้หวัดบ่อยมีภูมิต้านทานต่ำ แพ้อากาศง่าย พักผ่อนน้อย นอนหลับไม่สนิท
     - ผู้ที่ป่วยโรคมะเร็งที่เคยเข้ารับการทำรังสีบำบัดมาก่อน (ทำคีโม)
ผู้ที่ต้องการจะทานเห็ดหลินจือแดง ปัจจุบันเลือกหาซื้อได้ง่ายและรับประทานได้ง่ายขึ้น เพราะมีหลายรูปแบบที่เป็นแบบสารสกัดเข้มข้นบรรจุในแคปซูล หรือถ้าใครอยากทานแบบดั้งเดิมก็สามารถเลือกทานแบบที่ขายเป็นแผ่นอบแห้ง แล้วเอาไปต้มดื่มก็ได้เช่นกัน
ทางเลือกอาหารเสริมสมุนไพร ที่มีหลากหลายมากขึ้นใครที่สนใจสามารถหามาทานกันได้ แต่อย่าลืมเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีชื่อผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย รายละเอียดบนฉลาก และวันหมดอายุอย่างชัดเจน รวมไปถึงการบรรจุหีบห่อก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน ต้องสะอาด เรียบร้อย ไม่มีรอยฉีกขาด
     สุขภาพดีย่อมมาจากร่างกายที่แข็งแรงเหมือนกับคำที่ว่า "You are what you eat"

เรียบเรียงโดย Never-Age.com
   
ติดต่อคุณสุ  092-7780517

วิธีบริโภคเห็ดหลินจือ เห็ดหลินจือแดงสกัด
     เห็ดหลินจือนิยมบริโภคเพื่อบำรุงร่างกายเป็นยาอายุวัฒนะ ป้องกันและรักษาโรค ในปัจจุบันการบริโภคเห็ดหลินจือทำได้หลายวิธี (เรียงตามปริมาณสารที่ได้จากเห็ดหลินจือ จากน้อยไปหามาก)
     -นำเห็ดหลินจือมาบดแห้ง บรรจุแคปซูลเหมือนสมุนไพรทั่ว ๆ ไป วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ง่ายและราคาถูก แต่ได้รับสารสำคัญจากเห็ดหลินจือน้อยมาก เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยสกัดเอาสารที่สำคัญดูดเข้าไปใช้ในร่างกายได้ รับประทานมากจะเกิดอาการท้องอืด เพราะเห็ดหลินจือมีลักษณะแข็งคล้ายเนื้อไม้ ไม่เหมือนสมุนไพรทั่ว ๆ ไป (ไม่แนะนำใช้วิธีนี้)
     -นำเห็ดหลินจือที่ฝานเป็นชิ้นมาต้มกับน้ำ แล้วใช้เฉพาะน้ำเห็ดหลินจือดื่ม วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ราคาถูก ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือประมาณ 30 %เนื่องจากเห็ดหลินจือประกอบด้วยสารที่สามารถละลายน้ำได้ 30%
ถึงแม้วิธีนี้จะได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือไม่ครบแต่ก็มากกว่าวิธีแรก โดยจะต้องนำเห็ดหลินจือที่ฝานเป็นชิ้น มาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆแล้วมาต้มกับน้ำด้วยไฟอ่อน ๆ ประมาณ 6-8 ชั่วโมงเอาเฉพาะน้ำเห็ดหลินจือมาดื่ม แต่ต้องดื่มในปริมาณที่มาก ๆ หน่อย
     -นำเห็ดหลินจือมาสกัด โดยใช้เทคโนโลยีในการสกัดร้อน หรือสกัดเย็น บรรจุแคปซูล วิธีนี้ถึงแม้ต้นทุนจะสูง ราคาแพงแต่ได้รับปริมาณสารสำคัญในเห็ดหลินจือที่มีประโยชน์ครบถ้วนมากที่สุด และสะดวกในการบริโภค เหมาะกับการใช้บำรุงร่างกาย ป้องกันและรักษาโรค
     แต่ละวิธีจะได้รับปริมาณสารสำคัญในเห็ดหลินจือไม่เท่ากัน แนะนำให้บริโภคเห็ดหลินจือที่ได้จากการสกัดโดยใช้เทคโนโลยีการสกัด เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือมากที่สุดเพราะเห็ดหลินจือ ประกอบด้วยสารที่สามารถละลายน้ำได้ 30 ส่วนเท่านั้น ไม่ว่าจะต้มนานเท่าไรก็ตาม ดังนั้นในการบริโภคเห็ดหลินจือด้วยวิธีต้มจะได้รับประโยชน์เพียง 30 %

ข้อแนะนำในการบริโภคเห็ดหลินจือ
    - ควรบริโภคเห็ดหลินจือก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงแต่สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะให้รับประทานเห็ดหลินจือหลังอาหาร 2 ชั่วโมงแทน เนื่องจากควรรับประทานขณะท้องว่าง เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึม
     - ใน 2 สัปดาห์แรกที่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือ ให้รับประทานในปริมาณน้อยก่อนเพื่่อให้ร่างกายเกิดการปรับตัว
     - ควรบริโภควิตามินซีร่วมด้วยเนื่องจากสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) ในเห็ดหลินจือ มีโครงสร้างที่ซับซ้อนบางท่านอาจจะย่อยยากจึงควรรับประทานวิตามินซี หรืออาหารที่มีิวิตามินซีสูงร่วมด้วย เพื่อช่วยในการดูดซึมสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) เข้าสู่ร่างกาย

การเลือกซื้อเห็ดหลินจือ
ควรเลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ ดูจาก
     1. มีฟาร์มปลูกเห็ดหลินจือ
     2. มีโรงงานผลิตและบรรจุเห็ดหลินจือ
     3. ได้คุณภาพมาตรฐาน
     4. มีการรับประกันสินค้า

วิธีบริโภคเห็ดหลินจือ
     เวลาที่บริโภคเห็ดหลินจือ (สำหรับเห็ดหลินจือสกัด 100  % ไม่ผสมสมุนไพรตัวอื่น ) ควรจะเป็นเวลาที่ท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมเห็ดหลินจือได้ดี เห็ดหลินจือไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารจึงสามารถทานก่อนอาหารได้ยกเว้น กรณีที่นำเห็ดหลินจือไปผสมกับสมุนไพรอื่นทึ่ระคายเคืองกระเพาะถึงจะทานหลังอาหาร
     ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทานเห็ดหลินนจือ คือ ช่วงตื่นนอนตอนเช้าเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่างที่สุด และร่างกายได้ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหว ร่างกายจะสูบฉีดเลือดได้ดี อีกช่วงเวลาหนึ่งที่คนนิยมทานเห็ดหลินจือ คือช่วงเวลาก่อนนอน ซึ่งควรจะทานเห็ดหลินจือก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง มิใช่ทานเห็ดหลินจือแล้วเข้านอนเลย เหตุผลที่ให้ทานก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมงก็เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาสูบฉีดเห็ดหลินจือไปตามส่วนต่าง ๆของร่างกายก่อน เนื่องจากในขณะที่คนเรานอนหลับหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดีเท่

าตอนที่เราตื่นนั่นเอง

ปริมาณในการทานเห็ดหลินจือ
     เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่บำรุงตับ หัวใจ และไต ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จัดเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับบำรุงร่างกาย และปลอดภัยในระยะยาว ส่วนปริมาณการทานนั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและวัตถุประสงค์ แนะนำการทานอย่างคร่าว ๆ ดังนี้
     - กรณีที่ใช้เห็ดหลินจือบำรุงร่างกาย ทาน 1-2 แคปซูล ต่อวัน
     - กรณีที่ใช้เห็ดหลินจือป้องกันโรค ทาน 3-4 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 2 ช่วงเวลา
     - กรณีที่รักษาโรคที่ไม่ร้ายแรง ทาน 4-6 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 2 ช่วงเวลา
     - กรณีที่รักษาโรคที่ร้ายแรง ทาน 12-16 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 3 ช่วงเวลา

Book Reference

หนังสือ "หลิงจือ กับ ข้าพเจ้า" โดย นพ.บรรเจิด   ตันติวิท
หนังสือการเพาะเห็ดหลินจือ อานนท์ เอื้อตระกูล
หนัีงสือเห็ดหลินจือ คู่มือรับประทานเห็ดหลินจือ และสรรพคุณออกฤทธิ์ทางยา
หนังสือเห็ดหลินจือ กับการรักษาโรค โดย สมศักดิ์   ชินกร


 ติดต่อสอบถาม คุณสุ 092-7780517