วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เห็ดหลินจือรักษาโรค

                                                     

เห็ดหลินจือ รักษาโรค

ทำไมเห็ดหลินจือรักษาโรคได้
        ในหัวข้อเห็ดหลินจือกับการรักษาโรคนี้ จะขอกล่าวเป็น 2 ส่วนคือ เห็ดหลินจือรักษาโรคซึ่งจะเกี่ยวกับโรคที่เห็ดหลินจือสามารถรักษาได้ กับ ทำไมเห็ดหลินจือถึงรักษาโรคได้ 

          เห็ดหลินจือถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคเกี่ยวกับมะเร็ง ในอวัยวะต่างๆ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเห็ดหลินจือมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงตับและรักษาโรคตับ รักษาโรคไตวาย ป้องกันเส้นเลือดหัวใจตีบ รักษาโรคหัวใจ โรค Stroke หรือ อัมพาต โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องและช่วยบำรุงร่างกาย

   เห็ดหลินจือสามารถรักษาและบำบัดโรคต่าง ๆ ในระบบการทำงานของร่างกายมีดังนี้
     โรคมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆของร่างกาย
เห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคมะเร็ง ได้แก่ มะเร็งในสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งกระดูก มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งผิวหนัง  มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งในช่องท้อง
     ระบบไหลเวียนของโลหิต

เห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคในระบบไหลเวียนโลหิต ได้แก่ โรคที่เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง เส้นเลือดอุดตัน หลอดเลือดแข็งตัว ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเส้นเลือดสูง โรคหัวใจ
     ระบบทางเดินหายใจ
เห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคในระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หืดหอบ ภูมิแพ้ อาการไอ ไข้หวัด
     ระบบทางเดินอาหาร
เห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคในระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคกระเพาะอักเสบ ลำไส้อักเสบ ท้องผูก
ทางเดินอาหารอักเสบเรื้อรัง
     โรคอื่น ๆ
เห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคอื่น ได้ เช่น โรคตับอักเสบ โรคไขข้ออักเสบ โรคอัมพาต อัมพฤกษ์     โรคไตอักเสบ โรคไตวาย โรคปวดหัวข้างเดียว
      ทำไมเห็ดหลินจือถึงรักษาโรคภูมิเพี้ยนได้โรคภูมิเพี้ยนคือโรคที่ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ โดยปกติภูมิคุ้มกันในร่างกายคนเรามีหน้าที่ในการศึกษาค้นหาสิ่งที่เข้ามาในร่างกายเช่น เชื้อไวรัส แล้วสร้างอาวุธ เช่นเม็ดเลือดขาว ขึ้นมาทำลายเชื้อโรคและสิ่งผิดปกตินั้น แต่ะหากภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดเพี้ยนกลับมาทำลายเนื้อเยื่อเราเอง อย่างนี้เรียกว่า โรคภูมิเพี้ยน ตัวอย่างโรคนี้คือ โรค SLE หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า โรคพุ่มพวง
     เหตุผลว่าทำไมเห็ดหลินจือรักษาโรคภูมิเพี้ยนได้ เห็ดหลินจือมีสารที่สำคัญตัวหนึ่งคือ โปรตีนLz-8
ทีช่วยในการปรับภูมิที่เพี้ยนให้กลับมาเป็นปกติได้ และเห็ดหลินจือยังมีสารเยอร์มาเนียมและโพลีแซคคาไรค์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วย
     ทำไมเห็ดหลินจือรักษาโรคตับแข็งได้ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเหล้าทำให้เกิดโรคตับแข็งได้อย่างไร ในเหล้ามีแอลกอฮอล์ ซึ่งมีพิษทำลายเซลล์ของตับและเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดแผลที่ตับ ยิ่งนานเข้าจะเกิดใยแผลเป็นที่แข็งมากขึ้น และยังก่อกวนการทำงานของตับ ทำให้เกิดไขมันสะสมในตับมาก ตับเกิดการอักเสบเป็นแผล จนเกิดเป็นโรคตับแข็ง เห็ดหลินจือมึคุณสมบัติที่ช่วยโรคตับแข็งได้ก็เพราะ
     1. เห็ดหลินจือช่วยทำให้ใยแผลที่่ตับคลายตัว ไม่รัดเส้นเลือดและเนื้อเยื่อที่ตับ
     2. เห็ดหลินจือช่วยบำรุงตับ ฟื้นฟูการทำงานของตับ กระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่แทนเซลล์ทีตายไป
     3. เห็ดหลินจือช่วยขจัดอนุมูลอิสระ ซึ่งป้องกันมะเร็งที่ตับ

   คณะผู้บรรยาย คือ ศาสตราจาย์ ดร.ฟูกูมิ   โมริชิเงะ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับสมาคมนักวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย ณ ห้องประชุม ชั้นกสิกรรม เมื่อวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2530 เวลา 10.00-12.00 น.บรรยายเกี่ยวกับเห็ดหลินจือรักษาโรคได้


   
    ติดต่อคุณสุ   092-7780517
              
                          





เห็ดหลินจือสกัดร้อนกับเย็นต่างกันอย่างไร



หลินจือสกัดร้อนกับเย็นต่างกันอย่างไร
   หลินจือสกัดร้อนกับสกัดเย็นแตกต่างกันอย่างใด?
เป็นที่สงสัยมานานทีเดียว ระหว่างหลินจือที่สกัดร้อนกับหลินจือที่สกัดเย็นมีความแตกต่างกันอย่างใด?
ก่อนที่จะไปถึงการสกัดหลินจือด้วยความร้อนหรือความเย็น เรามาทำความเข้าใจกับหลินจือมีกลุ่มสารที่ออกฤทธิ์ทางยาแตกต่างกันอย่างใดระหว่างสกัดร้อนกับสกัดเย็น?ในหลินจือ จะมีกลุ่มสารที่แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
หลินจือ 6 สายพันธุ์ ประกอบด้วย
1. หลินจือสายพันธุ์ยูอี
2. หลินจือสายพันธุ์นกยูง
3. หลินจือสายพันธุ์จินซัน

4. หลินจือสายพันธุ์รูปสมอง
5. หลินจือสายพันธุ์รูปตับ (สายพันธุ์ของท่าน)
6. หลินจือสายพันธุ์รูปหัวใจ (สายพันธุ์ของท่าน)
ในการสกัดร้อน ความร้อนของน้ำเมื่อเดือดแล้ว สามารถดึงสารที่ละลายในน้ำได้ประมาณ 30% ในขณะที่สารระเหยจะหายไปกับความร้อน และความร้อนดังกล่าว ไม่สามารถดึงสารที่ไม่ละลายในน้ำออกจากหลินจือได้

ในการสกัดร้อนนี้ ก็จะมีกรรมวิธีในการผลิตเป็นหลินจือออกสู่ตลาด ดังนี้


1. การสกัดเป็นน้ำหลินจือ หมายถึงเป็นน้ำหลินจือเหมหือนคนโบราณที่ใช้่วิธีต้มหลินจือ เพียงแต่ใช้เทคโนโลยีธรรมดา ๆ ในการต้มให้ได้น้ำหลินจือเข้มข้นกว่าต้มด้วยหม้อต้มในครัว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่า จะเป็นน้ำหลินจือแบบเข้มข้น หรือน้ำหลินจือที่นำไปผสมน้ำเพิ่มเติมอีก หรือนำไปผสมอย่างอื่น
2. การสกัดร้อนที่เรียกว่า "สเปรย์ดราย" เป็นการพ่นน้ำหลินจือเข้าไปในห้องเย็น ความเย็นจะจับตัวละอองน้ำหลินจือให้เป็นเกร็ดน้ำแข็ง เมื่อเจอความร้อนก็จะต้องละลายแน่นอน เพราะฉะนั้น ในการผลิตจึงต้องพ่นแป้งเข้าไปจับละอองฝอยให้เป็นผง จากนั้นจึงนำไปบรรจุแค็ปซูล ในขั้นตอนการพ่นแป้งด้วยแป้งคุณภาพหรือพ่นแป้งไม่มีคุณภาพ พ่นแป้งน้อยหรือพ่นแป้งมาก เป็นกระบวนการผลิตให้หลินจือมีคุณภาพหรือไร้คุณภาพ
3. ใช้ระบบแรงดันสูญกาศในการกดน้ำหลินจือจนแห้งและกลายเป็นผง เป็นหลิอจือสกัดร้อนที่มีคุณภาพเข้มข้นไม่ด้อยไปกว่าการสกัดเป็นน้ำเข้มข้น ซึ่งกรรมวิธีในการสกัดแบบนี้ ต้องใช้ไฮเทคโนโลยีสูงมากขึ้น เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง มีประเทศญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี ที่มีบางบริษัทสกัดด้วยวิธีนี้ มีไม่กี่บริษัทเท่านั้น


คราวนี้มาถึงการสกัดเย็น โดยปัจจุบันนี้ หลาย ๆ ประเทศได้พัฒนาการสกัดหลินจือมาสู่การสกัดเย็นเพิ่มมากขึ้น สำหรับประเทศในย่านอาเซี่ยนด้วยกันแล้ว ต้องยอมรับว่า ประเทศมาเลเซี่ยมีการพัฒนาการด้วยการสกัดเย็นมากพอสมควรทีเดียว ในขณะที่บ้านเรายังไม่มีใครกล้าลงทุนด้านนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากเครื่องจักรดังกล่าวยังมีราคาค่อนข้างแพง จากการสกัดเย็นจะได้ความเข้มข้นของหลินจือได้ดีกว่า มากกว่า โดยการสกัดเย็นจะได้ สารระเหย และสารที่ไม่ละลายในน้ำ สำคัญกว่านั้น ผลพลอยได้ก็คือ ได้สปอร์   หลินจือมาด้วย (มีหลาย ๆ นักวิจัยได้ค้นพบถึงความสำคัญและการออกฤทธิ์ทางยาของสปอร์หลินจือมากกว่าเนื้อหลินจือในน้ำหนักเท่ากันเพิ่มมากขึ้นหลายสิบเท่า)ในการสกัดเย็นนี้ กระบวนการสกัดจะไม่ผ่านความร้อนใด ๆ เลย โดยนำหลินจือสด เข้าสู่กระบวนความเย็นจนทำให้มีการระเหยน้ำจนเป็นหลินจือแห้ง จากนั้นก็มีการดึงความเย็นจัดลงไปอีกระดับหนึ่ง จนเกิดการแตกตัว กลายเป็นผง แล้วถึงได้นำไปบรรจุแค็ปซูล


จุดเด่นจุดด้อยระหว่างการสกัดร้อนกับการสกัดเย็น ก็คือ

การสกัดร้อนจะมีประสิทธิภาพในการซึมละลายเข้าสู่ร่างกายของผู้กินหลินจือแบบนี้ได้รวดเร็วกว่า การละลายซึมเข้าสู่ระบบร่างกายของเราที่ประกอบด้วยน้ำอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพดีกว่า และสารที่ละลายในน้ำในกลุ่มของ ไตรเทอปินส์ จะมีมากกว่า ซึ่งสารกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการอักเสบ มีประสิทธิภาพในการลดไขมัน ลดโคเลสเตอรอลได้ดีกว่า ไตรเทอปินส์ ของหลินจือที่สกัดเย็น แต่ก็จะมีรสชาติที่ขมกว่าหลินจือที่สกัดเย็น
หลินจือที่สกัดเย็นจะซึมซัมสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็ต่อเมื่อกินเช้าสู่กระเพาะแล้วอาศัยน้ำย่อยจากกระเพาะเป็นตัวย่อยเนื้อหลินจือและสปอร์หลินจือ แล้วถึงจะเข้าสู่ลำไส้เล็กส่งไปสู่ส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย หลินจือที่สกัดเย็นจะมีความเข้มข้นมากกว่า การออกฤทธิ์ทางยามีมากกว่า ปริมาณการกินก็น้อยกว่สกัดร้อน การรักษาก็มีความรวดเร็วกว่าถึงแม้ส่วนใหญ่ของหลินจือที่สกัดเย็นจะต้องอาศัยน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเป็นตัวย่อย กระนั้นก็จะยังมีส่วนหนึ่งไม่มากนักที่สามารถละลายโดยไม่ต้องอาศัยน้ำย่อยในกระเพาะ

สำหรับครอบครัวชาวกาโนแล้ว มีโอกาสกินหลินจือได้ทั้งสารที่ละลายในน้ำ สารที่ไม่ละลายในน้ำและสาระเหย เพราะผลิตภัณฑ์ของกาโนจะมีหลินจือที่สกัดร้อนและสกัดเย็น หมายความว่า
หลินจือที่อยู่ในแค็ปซูลหรือผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในแค็๋ปซูลจะมีส่วนผสมของหลินจือที่สกัดเย็๋นร่วมอยู่ด้วยประมาณครึ่งแค็ปซูล แต่ในขณะเดียวกัน เครืองดื่มของกาโน เช่น กาแฟ ช็อกโกแล็ต ซีเรียลจะเป็นส่วนผสมของหลินจือที่สกัดร้อน แบบน้ำเข้มข้น แล้ว       อินสแต้นท์เป็นเนื้อเดียวกัน หมายความว่า เกร็ดกาแฟที่อินสแตนท์จะมีน้ำเข้มข้นของหลินจืออยู่ภายในเนื้อเดียวกับกาแฟนั่นเอง





โดย: [0 3] ( IP )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live

ความคิดเห็นที่ 1
    นี่แหละคือสาเหตุที่นอกจากกินหลินจือ สกาโน แล้ว เรามักแนะนำให้ดื่มเครื่องดื่มร่วมด้วยช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ  หรือ         ช็อกโกแล็ต ความสำคัญอยู่ที่ต้องการให้ชาวกาโนได้สารออกฤทธิ์ทางยาของหลินจือได้ครบถ้วนนั่นเอง...

โดย: kody@hotmail.co.th [11 ก.พ. 55 22:27] ( IP A:182.53.108.126 X: )

ความคิดเห็นที่ 2
   หลินจือของกาโนฯ แตกต่างจากหลินจือทั่วไป เรียกได้ว่า "ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน"
รากหลินจือ ที่แตกต่างจากรากหลินจือของคนอื่น โดยรากหลินจือที่ผลิตในประเทศจีนหรือประเทศญี่ปุ่น เป็นการสะกัดจากรากที่เราเรียกว่า ใยเห็ด หรือ ส่าเห็ด ซึ่งต้นทุนในการสะกัดจะแพงมาก ราคารากหลินจือของประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น ราคาแพงกว่าดอกหลินจือ
แต่สำหรับรากหลินจือของกาโน   มร.เลียวซุนเส็ง     เจ้าตำรับหลินจือ ราก และ ดอก  6  สายพันธุ์ สามารถคิดค้นสะกัดรากหลินจือที่เรียกว่า
 "เอ็กซีเลี่ยม"เอ็กซีเลี่ยมนี้ เป็นจุดศูนย์รวมของใยเห็ดในถุงเพาะ อยู่ตรงปากถุง ซึ่งถุงเพาะหลินจือในโรงเพาะได้ประมาณ 20 วัน พอวันที่ 21 ก้านหลินจือจะแทงทะลุเอ็กซีเลี่ยมขึ้นมาที่ปากถุงเพาะ เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เอ็กซีเลี่ยมคล้าย ๆ ตาของกิ่งไม้ที่เป็นจุดที่กิ่งไม้แทงก้านออกมานั่นแหละดูเหมือนเอ็กซีเลี่ยมมีถุงละเม็ดเท่านั้น เล็กนิดเดียว ราคาน่าจะแพงกว่าใยเห็ดสะกัดนี่คือความสามารถเฉพาะตัวของ มร.เลียวซุนเส็ง เจ้าตำรับที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ ท่านสามารถเพาะในเชิงอุตสาหกรรมได้อย่างมากมายมหาศาล เป็นการลดต้นทุนได้อย่างมาก ทำให้สามารถขายรากหลินจือ ถูกกว่าดอกหลินจือ
สำหรับดอกหลินจือสะกัด ท่านได้ทำการศึกษาค้นคว้า นำหลินจือแดงแต่ละสายพันธุ์มาคัดเลือก จนได้หลินจือแดง 4 สายพันธุ์ บวกกับอีก 2 สายพันธุ์ที่ท่านได้คิดค้นเพาะเลี้ยงเป็นสายพันธุ์เฉพาะตัวของท่านเอง
หลินจือ 6 สายพันธุ์ ประกอบด้วย
1. หลินจือสายพันธุ์ยูอี
2. หลินจือสายพันธุ์นกยูง
3. หลินจือสายพันธุ์จินซัน
4. หลินจือสายพันธุ์รูปสมอง
5. หลินจือสายพันธุ์รูปตับ (สายพันธุ์ของท่าน)
6. หลินจือสายพันธุ์รูปหัวใจ (สายพันธุ์ของท่าน)
โดยทำการสะกัดทีละสายพันธุ์เป็นการสะกัดเย็น จากนั้น นำผงสะกัดแต่ละสายพันธุ์มาผสมกันในอัตราส่วนเป็น 100%

หลินจือแต่ละสายพันธุ์นั้น โดยพื้นฐานแล้ว มีคุณสมบัติความเป็นยาเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างเกิดขึ้นก็คึอ ในแต่ละสายพันธุ์จะมีจุดเด่นเพิ่มมากขึ้น ดังเช่น ทุกสายพันธุ์จะมีคุณสมบัติในการเสริมภูมิต้านทานเหมือนกัน แต่จะมีสายพันธุ์หนึ่งที่มีความโดดเด่นและเน้นในการสร้างภูมิต้านทานเพิ่มมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ เหล่านี้เป็นต้น
นี่แหละที่ "หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์" ของกาโนฯ จึงช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บมายาวนาน จนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น จนผู้ป่วยอีกมากมายที่มีโอกาสหายจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างน่าปลื้มปิติ.....


โดย: kody@hotmail.co.th [11 ก.พ. 55 22:30] ( IP A:182.53.108.126 X: )

ความคิดเห็นที่ 3
   หลายครั้งหลายหนที่ผมบรรยายเกี่ยวกับหลินจือมักพูดเสมอว่า คุณภาพหลินจือของกาโนฯ เริ่มต้นจากโรงเพาะ ดังที่ได้อ่านบทความการเพาะหลินจือที่ผ่านมาแล้ว
เรามาย้อนกลับสู่อดีตที่ผ่านมาไม่นานเกินไปนัก จากการเปิดเผยของ มร.เลียวซุนเส็ง ประธานกาโนฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญหลินจือที่แท้จริง และเป็นเจ้าของสูตร “หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์” หนึ่งเดียวในโลกที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้
มร.เลียวซุนเส็งเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เป็นปี ได้นำหลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ไปแนะนำให้คุณหมอระดับศาสตราจารย์ที่รักษามะเร็งโดยเฉพาะที่โรงพยาบาลรักษามะเร็งมีชื่อของจีน ซึ่งคุณหมอที่นั่นรักษาผู้ป่วยเป็นมะเร็งด้วยหลินจือของจีน โดยผู้ป่วยแต่ละคนต้องกินหลินจือประมาณวันละ 27 แค็ปซูล และคุณหมอที่นั่นได้อ้างว่า หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ของกาโน ราคาแพงกว่าของจีน แต่ มร.เลียวซุนเส็ง ยืนยันว่า ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว รับรองว่า หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์จะถูกกว่าของจีนแน่นอน เพราะหลินจือของกาโน กินเพียงแค่วันละ 6 คู่ ที่สำคัญได้ผลชัดเจนแน่นอนกว่า
หลังจากนั้นผ่านไปไม่นาน คุณหมอระดับศาสตราจารย์ที่นำหลินจือของกาโนฯ ไปรักษาผู้ป่วยเป็นมะเร็งถึงกับทึ่ง เมื่อผลปรากฏว่า หลินจือของกาโนฯ เพียงแค่ 6 คู่รักษาผู้ป่วยได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ
เพื่อความมั่นใจและต้องการดูให้ถ่องแท้ว่า หลินจือของกาโนฯ เพาะได้อย่างใดจึงมีคุณภาพมหาศาลเช่นนี้ จึงได้มีการติดต่อประสานงาน กระทั่งคุณหมอระดับศาสตราจารย์ถึง 5 ท่านจากโรงพยาบาลแห่งนั้น ได้ขอเดินทางไปเยี่ยมชมฟาร์มเพาะหลินจือที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในโลก
ศาสตราจารย์ทั้ง 5 ท่าน ทึ่งตั้งแต่การเพาะหลินจือในระบบออร์แกนิค ปลอดสารพิษ โดยไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีใด ๆ เลย และมีความทันสมัยที่หาไม่ได้ในประเทศจีน และยิ่งทึ่งกว่านั้นอีก เมื่อ มร.เลียวซุนเส็ง ได้ทำการผ่าหลินจือสด ๆ ที่สุกเต็มที่ครบ 3 เดือนแล้วให้ศาสตราจารย์ได้เห็นชัดถึงคุณภาพอันแท้จริงของหลินจือที่เริ่มตั้งแต่โรงเพาะ
หลินจือของกาโนฯ เมื่อผ่าออกมาให้เห็นกันชัด ๆ ก็คือ เปลือกหลินจือที่เราเห็นเป็นสีสันอันสวยสดงดงามนั้น ซึ่งเป็นเปลือกที่ห่อหุ้มป้องกันหลินจือมีความบางเฉียบ ไม่หนาเหมือนหลินจือทั่ว ๆ ไป เรียกได้ว่า แม้แต่หลินจือในประเทศจีนก็ยังหาหลินจือที่มีเปลือกบางอย่างของกาโนฯ ไม่ได้เลย เป็นที่รู้กันในวงการหลินจือว่า เปลือกหลินจือสวยแต่รูปจูบไม่หอม เพราะมีแต่ความสวยสดงดงาม แต่ไม่ได้ประโยชน์ทางยาใด ๆ ทั้งสิ้น ประโยชน์ของเปลือกหลินจือก็คือ ปกป้องไม่ให้เนื้อในถูกทำลายจากแมลง หรือสิ่งแปลกปลอม ต่อมา คือส่วนกลางของหลินจือก็คือเนื้อไม้ที่เห็นเป็นขอบสีน้ำตาลอ่อนติดกับขอบของเปลือกหลินจือ เห็นได้ชัดเลยนะครับว่า บางเฉียบ นิดเดียวแค่นั้นเอง โดยปรกติแล้ว หลินจือทั่วไปตรงขอบน้ำตาลนี้แหละ จะหนาเข้ามาถึงประมาณส่วนกลางหรือกว่าครึ่งของหลินจือทั้งหมด เนื้อไม้เหล่านี้ ไม่มีประโยชน์ แต่หลินจือของกาโนฯ เนื้อไม้บางเฉียบชนิดที่ถ้าไม่สังเกตก็แทบจะมองไม่เห็นเลยชั้นสุดยอดที่สุดของหลินจือ โดยขั้นนี้ก็คือชั้นที่เป็นโพรงที่อยู่ของสปอร์หลินจือ เป็นชั้นที่มีสารออกฤทธิ์ทางยาล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นสปอร์หรือโพรง จากภาพถ่าย เห็นได้ชัดเลยว่า นี่คือคุณภาพล้วน ๆ ของหลินจือกาโนฯ ซึ่งหนาอวบอูมที่เป็นสีน้ำตาลเข้มทั้งหมด ถ้าใช้กล้องส่องจะเห็นชัดถึงโพรงและสปอร์หลินจือเต็มเนื้อที่สีน้ำตาลอวบอูมอย่างชัดเจนนั่นหมายถึง คุณภาพเต็มร้อยของหลินจือกาโนฯ ตั้งแต่อยู่ในโรงเพาะ และเข้มข้นด้วยการสกัดเย็นแบบฟรีซดรายสำหรับหลินจือทั่วไปนั้น ตรงส่วนกลางอวบอูมที่เห็นในภาพ แทนที่จะเป็นโพรงรังของสปอร์หลินจือ แต่กลับเป็นส่วนของเนื้อไม้ที่กินพื้นที่ลึกลงด้านล่างกว่าครึ่งทีเดียว เหลือที่เป็นโพรงที่เป็นส่วนที่มีสารออกฤทธิ์ทางยาอย่างมากที่สุดก็แค่ 50% เท่านั้นส่วนสีน้ำตาลอ่อนตรงขอบล่างสุด เป็นเยื้อที่ปกป้องไม่ให้สปอร์หลินจือหล่นหายไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะปกป้องโดยธรรมชาติเพียงแค่นี้ ศาสตราจารย์ทั้ง 5 ท่านคารวะ มร.เลียวซุนเส็ง ด้วยใจจริงและมั่นใจในคุณภาพหลินจือของกาโนฯ เต็มร้อยจงภูมิใจเถอะครับ สมาชิกกาโนฯ อีกไม่นานเกินรอ หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ได้ฤกษ์บุกประเทศจีนถิ่นกำเนิดหลินจือแน่นอน



โดย: kody@hotmail.co.th [11 ก.พ. 55 22:36] ( IP A:182.53.108.126 X: )

ความคิดเห็นที่ 4
   กรรมวิธีการเพาะหลินจือ
คราวที่แล้ว เราเขียนถึงกรรมวิธีการเพาะหลินจือทั่ว ๆ ไป คราวนี้ย้อนกลับมาที่ มร.เลียวซุนเส็ง เมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน ได้เริ่มให้ความสนใจต่อหลินจือ และมั่นใจว่า หลินจือ จะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสุขภาพของมวลมนุษยชาติอย่างแน่นอนโดยเริ่มต้นจากการค้นคว้าถึงวิธีการเพาะที่ลอกเลียนแบบมาจากการเพาะเห็ดฟางเป็นสำคัญ นั่นก็คือการเพาะด้วยถุงเพาะที่มีขี้เลื่อยยางพารา ผสมสารอาหารและปุ๋ยเคมี ท่านต้องประสบความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ปีแล้วปีเล่า กระทั่งสามารถเพาะได้สำเร็จ ในยุคต้น ๆ ก็เป็นการเพาะด้วยสปอร์เหมือนคนอื่น ๆ แล้วท่านก็พบว่า การเพาะด้วยสปอร์มีจุดอ่อน ที่ทำให้หลินจือกลายพันธุ์ ซึ่งจากการที่คัดเลือกหลินจือพันธุ์สมบูรณ์อย่างดี แต่เมื่อเพาะรุ่นแล้วรุ่นเล่าแค่ไม่กี่รุ่น หลินจือที่มีคุณภาพดีในตอนแรก ได้กลายพันธุ์คุณภาพดีสู้เดิม ๆ ไม่ได้
แล้วท่านก็ปิ๊งไอเดียจากที่ครอบครัวมีอาชีพทำฟาร์มกล้วยไม้ และมีการเพาะกล้วยไม้ด้วยกรรมวิธีการเพาะด้วยเนื้อเยื่อ โดยไม่มีการ   กลายพันธุ์ใด ๆ ท่านนำวิธีการดังกล่าวมาใช้เพาะหลินจือ แต่กว่าจะประสบความสำเร็จ ต้องพบกับความล้มเหลวอีกหลายปี
เมื่อประสบความสำเร็จในการเพาะหลินจือจากเนื้อเยื่อ ท่านก็คิดถึงการเพาะที่เป็นจุดอ่อนให้เป็นการเพาะที่ปลอดสารพิษ โดยในถุงเพาะไม่ต้องมีส่วนผสมของปุ๋ยเคมีใด ๆ เลยในที่สุด ท่านก็ประสบความสำเร็จเป็นการเพาะที่ปลอดสารพิษจริง ๆ โดยเป็นขี้เลื่อย ผสมแกลบ รำข้าว ในสูตรที่ท่านได้คิดค้นขึ้นโดยเฉพาะ จนเพาะหลินจือชนิดออร์แกนิก ปลอดสารพิษเป็นผลสำเร็จ เวลาเดียวกัน จากที่ท่านทำการผสมพันธุ์หลินจือ จนได้พันธุ์ หลินจือรูปหัวใจและหลินจือรูปตับที่เป็นหลินจือของท่านโดยเฉพาะ จะหาที่ไหนไม่ได้แน่นอน
มร.เลียวซุนเส็ง เริ่มต้นในการสร้างโรงเพาะแบบง่าย ๆ เป็นโรงเรือนธรรมดา ๆ จากนั้นได้ทำการวิเคราะห์ถึงวิธีการสกัดหลินจือที่ได้คุณภาพเยี่ยมที่สุด จนเล็งเห็นความสำคัญในการสกัดเย็น เพราะคุณค่าสารเคมีทางยาของหลินจือแทบจะอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วทำการคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว ใช้เวลาในการทดลองกับการสกัดครั้งแล้วครั้งเล่าหลายปี จนได้สูตรสำเร็จในการผสมถึง 6 สายพันธุ์ดังที่เราทราบกันแล้ว (รายละเอียดความลึกซึ้งของความเป็น หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์มีความพิเศษที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร จะหาโอกาสเขียนถึงต่างหากในคราวหน้า)
จากโรงเรือนธรรมดา ๆ ได้จุดประกายความคิดของ มร.เลียวซูนเส็ง เป็นแนวความคิด “นอกกรอบ” หรือที่สมัยนี้กล่าวกันว่าเป็น       “บลูโอเชี่ยน” ที่จะพัฒนาการสร้างโรงเพาะให้ทันสมัยเป็นแห่งแรกของโลกที่เรียกว่า “โมเดิร์นฟาร์ม” ได้บอกเล่า ขอความรู้จากผู้ชำนาญการเพาะเห็ดทั้งหลายทั้งมวล สิ่งที่ได้รับในตอนนั้นก็คือ “เสียงหัวเราะเยาะ” หาว่า ความคิดดังกล่าว “เป็นไปไม่ได้” โรงเพาะที่เป็นหลังคากระเบื้อง ย่อมเก็บความร้อนในโรงเพาะจากแดดที่ส่องตรงลงไป ทำให้ภายในโรงเพาะมีความร้อนเกินไป ทำให้ความชื้นหายไป หลินจือ จะไม่มีวันเจริญเติบโตได้แน่นอนแต่ท่านมั่นใจว่า ด้วยแนวคิด “นอกกรอบ” ต้องทำได้!ในที่สุด ท่านก็พบความสำเร็จ โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ใช่ว่าจะสูงมากมายอะไรนัก เป็นเทคโนโลยีธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง โดยสร้างโรงเพาะระบบเปิด ก่ออิฐสูงประมาณเอว ส่วนที่โล่งใช้มุ้งสีดำครอบไว้เพื่อกันความชื้นออกไป รวมทั้งเป็นการควบคุมอุณหภูมิให้คงที โดยภายในโรงเพาะใช้ระบบเครื่องฉีดละอองน้ำตามเวลาที่กำหนดท่านประสบความสำเร็จตามแนวคิดที่ต้องการ ก็เลยเริ่มทำตามโครงการที่วางไว้ด้วยการสร้างโรงเพาะแบบ “โมเดิร์นฟาร์ม” ทั้งหมดมากถึง 14 โรงเพาะ โดยแต่ละโรงเพาะสามารถบรรจุถุงเพาะชนิดแขวนมากถึง 30,000 ถุง ครั้นต่อมาในวันนี้ ท่านได้สร้างโรงเพาะเพิ่มขึ้นอีกถึง 26 โรงเพาะ รวมเป็น 40 โรงเพาะ พร้อมทั้งได้มีการพัฒนาโรงเพาะให้ทันสมัยยิ่งขึ้นอย่างแรก ได้เพิ่มการใช้น้ำพ่นลงบนหลังคาโรงเพาะ เป็นการเพิ่มความแน่นอนของการรักษาอุณหภูมิและความชื้นได้ดียิ่งขึ้น สร้างแค็ปซูลที่ทันสมัยในการนึ่งฆ่าเชื้อได้ดียิ่งขึ้น นึ่งถุงเพาะได้ครั้งละ 5,000 ถุง จากเดิมที่ใช้เครื่องนึ่งธรรมดาได้ครั้งละ 500 ถุง จากเดิมที่นึ่งครั้งหนึ่ง 8 ชั่งโมง มาเป็นแค่ 5 ชั่วโมง ในความร้อนไม่เกิน 120 องศาเซลเซียสดังนั้น คุณภาพของหลินจือที่ได้ จึงมีคุณภาพที่ดียิ่งกว่าสมัยก่อนหลายสิบเท่า ทำให้คุณภาพหลินจือที่สกัดแล้วดียิ่งขึ้นเช่นเดียวกันนี่คือคุณภาพหลินจือที่สมาชิกเก่า ๆ ส่วนใหญ่ ไม่ได้สังเกตเห็นถึงคุณภาพสุดยอดที่ดีกว่าสมัยก่อน แล้ววันนี้ หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ของกาโนฯ โดดเด่นเป็น...หลินจืออันดับหนึ่งของโลก!!!



โดย: kody@hotmail.co.th [11 ก.พ. 55 22:42] ( IP A:182.53.108.126 X: )

          
ติดต่อคุณสุ   092-7780517
                     
                                        
                                                         
   ผลิตภัณฑ์กาโน

     หลินจือกาโน-รากหลินจือและดอกหลินจือ



     หลินจือของกาโนฯ แตกต่างจากหลินจือทั่วไป เรียกได้ว่า "ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน" 
     รากหลินจือ ที่แตกต่างจากรากหลินจือของคนอื่น โดยรากหลินจือที่ผลิตในประเทศจีนหรือประเทศญี่ปุ่น เป็นการสะกัดจากรากที่เราเรียกว่า ใยเห็ด หรือ  ส่าเห็ด ซึ่งต้นทุนในการสะกัดจะแพงมาก ราคารากหลินจือของประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น ราคาแพงกว่าดอกหลินจือ
     แต่สำหรับรากหลินจือของกาโน มร.เลียวซุนเส็ง เจ้าตำรับหลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ สามารถคิดค้นสะกัดรากหลินจือที่เรียกว่า "เอ็กซีเลี่ยม" 
     เอ็กซีเลี่ยมนี้ เป็นจุดศูนย์รวมของใยเห็ดในถุงเพาะ อยู่ตรงปากถุง ซึ่งถุงเพาะหลินจือในโรงเพาะได้ประมาณ 20 วัน พอวันที่ 21 ก้านหลินจือจะแทงทะลุเอ็กซีเลี่ยมขึ้นมาที่ปากถุงเพาะ เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เอ็กซีเลี่ยมคล้าย ๆ ตาของกิ่งไม้ที่เป็นจุดที่กิ่งไม้แทงก้านออกมานั่นแหละ
     ดูเหมือนเอ็กซีเลี่ยมมีถุงละเม็ดเท่านั้น เล็กนิดเดียว ราคาน่าจะแพงกว่าใยเห็ดสะกัด
     นี่คือความสามารถเฉพาะตัวของ มร.เลียวซุนเส็ง เจ้าตำรับที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ ท่านสามารถเพาะในเชิงอุตสาหกรรมได้อย่างมากมายมหาศาล เป็นการลดต้นทุนได้อย่างมาก ทำให้สามารถขายรากหลินจือ ถูกกว่าดอกหลินจือ
     สำหรับดอกหลินจือสะกัด ท่านได้ทำการศึกษาค้นคว้า นำหลินจือแดงแต่ละสายพันธุ์มาคัดเลือก จนได้หลินจือแดง 4 สายพันธุ์ บวกกับอีก 2 สายพันธุ์ที่ท่านได้คิดค้นเพาะเลี้ยงเป็นสายพันธุ์เฉพาะตัวของท่านเอง
      หลินจือ 6 สายพันธุ์ ประกอบด้วย
      1. หลินจือสายพันธุ์ยูอี
      2. หลินจือสายพันธุ์นกยูง
      3. หลินจือสายพันธุ์จินซัน
      4. หลินจือสายพันธุ์รูปสมอง
      5. หลินจือสายพันธุ์รูปตับ (สายพันธุ์ของท่าน)
      6. หลินจือสายพันธุ์รูปหัวใจ (สายพันธุ์ของท่าน)


     โดยทำการสะกัดทีละสายพันธุ์เป็นการสะกัดเย็น จากนั้น นำผงสะกัดแต่ละสายพันธุ์มาผสมกันในอัตราส่วนเป็น 100%
     หลินจือแต่ละสายพันธุ์นั้น โดยพื้นฐานแล้ว มีคุณสมบัติความเป็นยาเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างเกิดขึ้นก็คึอ ในแต่ละสายพันธุ์จะมีจุดเด่นเพิ่มมากขึ้น ดังเช่น ทุกสายพันธุ์จะมีคุณสมบัติในการเสริมภูมิต้านทานเหมือนตกัน แต่จะมีสายพันธุ์หนึ่งที่มีความโดดเด่นและเน้นในการสร้างภูมิต้านทานเพิ่มมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ เหล่านี้เป็นต้น
     นี่แหละที่ "หลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์" ของกาโนฯ จึงช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บมายาวนาน จนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น จนผู้ป่วยอีกมากมายที่มีโอกาสหายจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างน่าปลื้มปิติ.....


                      สกาโน




กระปุกเล็ก    30 แค็ปซูล  ราคาขาย  480.-
กระปุกใหญ่  60 แค็ปซูล  ราคาขาย  950.-

สกาโน
ว่านปลาไหลเผือก (Tongkat ALI) ผสมหลินจือ

สกาโน เป็นการรวมเอาสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา และนิยมมาแต่โบราณคือ สมุนไพรว่านปลาไหลเผือก (Tongkat Ali) หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Eurycoma Longifolia Jack ผสมเข้าด้วยกันกับหลินจือซึ่งรู้จักกันในนามของ ราชาสมุนไพร

สารที่มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ทางยาใน สกาโน

1) สารออกฤทธิ์ทางยาใน หลินจือ  (Ganoderma Active Ingredients)

  สารอะดีโนซีน (Adenosine)
  - ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล และไขมัน
  - ช่วยให้การหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น อันเป็นการลดความเสี่ยงกับการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
  - ปรับความสมดุลอัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกาย และทําให้ร่างกายสดชื่นมีพลัง

  สารไตรเตอร์ปินอยด์ส (Triterpenoids)
  - เสริมสร้างระบบการย่อยอาหาร
  - เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อต้านการแพ้
  - ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมัน

2) สารออกฤทธิ์ทางยาใน สมุนไพร ว่านปลาไหลเผือก (Tongkat ALI Active Ingredient)
  - เพิ่มพลังงาน และความแข็งแรง
  - ปรับปรุงระบบการหมุนเวียนของโลหิต
  - ฟื้นฟูระบบประสาท
  - สร้างภูมิคุ้มกันโรค
  - ซ่อมแซมการทํางานของระบบความหิว และการย่อยอาหาร
  - ลดไข้ ดับพิษร้อน ตัดพิษไข้ รักษาไข้จับสั่น
  - ลดอาการอักเสบ
  - คลายเส้นเอ็น ฟื้นฟูไขข้อเสื่อม
  - บำรุงไต บำรุงเลือด
  - เสริมการออกฤทธิ์กับหลินจือ

สรรพคุณของ สกาโน
  - ช่วยคลายพิษร้อน และช่วยถอนหรือตัดพิษไข้
  - เสริมสรรพคุณหรือออกฤทธิ์ทางยา เมื่อรับประทานร่วมกับหลินจือรากและดอก
  - ลดอาการเกิดปฏิกิริยาของโรค
  - คลายเส้นเอ็น
  - ฟื้นฟูไขข้อเสื่อม
  - บำรุงไต บำรุงเลือด
  - ฟื้นฟูสมรรถนะทางเพศ


                                         
              รากหลินจือ



กระปุกใหญ่  90 แค็ปซูล ราคา   640.-
กระปุกเล็ก   30 แค็ปซูล  ราคา  230.-

ยาแคปซูลหลินจือ ตรา จีอี
ยาแผนโบราณใช้บํารุงร่างกาย

รากหลินจือ  เป็นส่วนรากที่เป็นเอ็กซีเลี่ยม ซึ่งสะสมสเปคตรัม วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารที่มีประโยชน่แก่ร่างกาย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อยาบํารุงสมอง  “The Brain Tonic”

สารที่มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ทางยาในรากหลินจือแค็ปซูล
1) สารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide)
  - เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  - ช่วยปรับระดับความสมดุลของน้ำตาลในเลือด และฟื้นฟูการทํางานของตับอ่อน
  - ป้องกันการถูกทําลายของเซลล์
  - ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
2) สารออร์แกนิคเจอร์มาเนี่ยม (Organic Germanium)
  - ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในเลือด
  - ขจัดความเมื่อยล้า   
  - เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกาย
  - ควบคุมระบบการเผาผลาญอาหาร
3) วิตามิน
  - ทําหน้าที่เป็นองค์ประกอบสําคัญที่มีบทบาทกับสรีระ และกระบวนการเผาผลาญอาหาร
4) เกลือแร่
  - ช่วยให้มีสุขภาพดี มีบทบาทกับสรีรวิทยา และกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อ
5) โปรตีน
  - สร้างเซลล์ใหม่ และฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย
  - เป็นส่วนสําคัญในการสร้างสารอาหาร โปรตีนต้านพิษ สารในเม็ดเลือดแดง และฮอร์โมน

ยาบํารุงสมอง
รากหลินจือเหมาะสําหรับเด็ก เพราะประกอบด้วยปริมาณสารออร์แกนิคเจอร์มาเนียม (Organic Germanium) ซึ่งมีความสําคัญในการพัฒนาการสมอง เนื่องจากสารดังกล่าวช่วยสร้างประจุไฟฟ้าทางชีวภาพที่เหมาะสมเพียงพอให้สมองมีการพัฒนาการที่ดี และมีความกระฉับกระเฉง

สรรพคุณรากหลินจือ 

  - บำรุงสมอง
  - สะสมออกซิเจน
  - กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
  - ซ่อมแซมเซลล์ ซ่อมแซมส่วนที่ลึกหรอของร่างกาย
  - ปรับปรุงหรือเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการย่อย
  - เพิ่มพลังงานหรือเป็นแหล่งพลังงานยามขาดแคลน






                           ดอกหลินจือ


กระปุกเล็ก   30 แค็ปซูล ราคา 340.-
กระปุกใหญ่ 90 แค็ปซูล ราคา  930.-


ยาแคปซูลหลินจือ ตรา จีอี

ยาแผนโบราณใช้บํารุงร่างกาย


ดอกหลินจือ เป็นสารสกัดจากหลินจือสายพันธุ์แดง (Ganoderma Lucidum) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างหลินจือราชาสมุนไพรอันน่าพิศวง 6 สายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย และฟื้นฟูสุขภาพรวมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค

สารที่มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ทางยาในดอกหลินจือแค็ปซูล  
1) สารโพลีแซคคาไรด์  (Polysaccharide)
  - เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  - ช่วยปรับระดับความสมดุลของน้ำตาลในเลือด
2) สารออร์แกนิคเจอร์มาเนี่ยม (Organic Germanium)
  - ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในเลือด
  - ปรับการทํางานให้การควบคุมอนุมูลอิสระ และผลข้างเคียงจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
  - ปรับความสมดุลโมเลกุลรอบ ๆ เซลล์มะเร็ง
3) สารอะดีโนซีน (Adenosine)
  - ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล และไขมัน
  - ป้องกันการจับตัวเป็นลิ่มเลือดของเกล็ดเลือด อันเป็นสาเหตุของเส้นเลือดอุดตัน
  - ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดอุดตันจากไขมัน
  - ปรับความสมดุลอัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ทําให้ร่างกายสดชื่นมีพลัง
4) สารไตรเตอร์ปินอยด์ส (Triterpenoids)
  - เสริมสร้างระบบการย่อยอาหาร
  - เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อต้านการแพ้
  - ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมัน
5) สารกาโนเดอริค เอ็สเซนซ์ (Ganoderic Essence)
  - รักษาอาการโรคผิวหนัง
  - ทําให้ผิวมีสุขภาพดี และสีผิวสวยขึ้น

สรรพคุณดอกหลินจือ 
  - ขบวนการวินิจฉัยโรคหรือการแสดงปฏิกิริยาของโรค ซึ่งได้บอกให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพ หรือบอกให้รู้ว่า ภายในร่างกายของเรามีส่วนไหนที่บกพร่องหรือป่วย
  - ขบวนการขับพิษขับโรคในร่างกาย
  - ช่วยล้างสารพิษ สารเคมี และสารปนเปื้อนภายในร่างกาย
  - บำรุงหัวใจ
  - ลดคอเลสเตอรอล
  - ต่อต้านมะเร็ง
  - ลดน้ำตาลในหลอดเลือด
  - เสริมสร้างภูมิต้านทาน




ถั่งเฉ้า (Cordyceps) ชนิดแคปซูล



กระปุกละ 60 แค็ปซูล  ราคาขายปลีก 1,230.-



ถั่งเฉ้า (Cordyceps) ชนิดแคปซูล

ถั่งเฉ้า คือ สมุนไพรจีนที่ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน อันได้แก่ เห็ดหรือเชื้อราขนาดใหญ่ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps Sinensis กับหนอนผีเสื้อที่ชื่อ Hepialus Armoricanus Oberthiir สปอร์ของเห็ดดังกล่าวจะขึ้นจากหัวของตัวดักแด้หรือตัวอ่อนของหนอนผีเสื้อ ซึ่งฝังตัวอยู่ใต้ดินในฤดูหนาว เมื่อหนอนตายในฤดูใบไม้ผลิ เห็ดก็จะเจริญขึ้นโดยอาศัยดูดสารอาหารจากตัวหนอนมาใช้

สารที่มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ทางยาในถั่งเฉ้า ประกอบด้วย
วิตามินบี 12 กรดอะมิโนต่าง ๆ โปรตีน กรดไขมัน ทั้งอิ่มตัว และไม่อิ่มตัว กรดถั่งเฉ้า (cordycepic acid) และยังมีสารถั่งเฉ้า (cordycepin) มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกาย สำหรับผู้ที่มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หรืออยู่ในช่วงฟื้นไข้อีกทั้งช่วยบำบัดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า แก้ไอ หอบหืด ช่วยละลายเสมหะ ช่วยระงับประสาท ทำให้นอนหลับสนิท ช่วยปรับการทำงานของกระเพาะอาหารให้เป็นปกติ รักษาอาการปวดเอว บำรุงปอด และไต ป้องกันการลดจำนวนของเม็ดเลือดขาวในผู้ป่วยที่รักษาโรคด้วยเคมีบำบัด และรังสีบำบัด ช่วยปรับความสมดุลในการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค คลายกล้ามเนื้อ คลายเครียด แก้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ แก้ปวดเข่า จนถึงรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
จุดเด่นของ ถั่งเฉ้า ก็คือ บำรุงปอด นั่นหมายถึงถั่งเฉ้าจะช่วยในการบำบัดโรคที่เกี่ยวกับปอด ฟื้นฟูอาการภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจทั้งหลายทั้งมวล บำรุงไตให้แข็งแรง รวมถึงการบำรุงกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง นั่นก็หมายความว่า ระบบหลอดเลือดก็ย่อมแข็งแรง การสูบฉีดเลือดให้ไหลเวียนได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบหลอดเลือดและเลือดมีพลัง การไหลเวียนดี เลือดดี สุขภาพร่างกายย่อมแข็งแรงเป็นเงาตามตัว





รอยัลเอ็กซีเลี่ยม นมผึ้งผสมหลินจือ



ราคาขายปลีก  950.-/60 แค็ปซูล
ราคาสมาชิก    790.-/60 แค็ปซูล


รอยัลเอ็กซีเลี่ยม นมผึ้งผสมรากหลินจือ แคปซูล 

รอยัลเอ็กซีเลี่ยม เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่าง นมผึ้ง (Royal jelly) และกลุ่มใยของเห็ดหลินจือหรือ กาโนเดอร์มา ลูซิดัม เอ็กซีเลียม (Ganoderma lucidum Excellium) รากหลินจือ ก่อเกิดเป็น "รอยัลเอ็กซีเลี่ยม" ที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่าง ๆ 

สารอาหารสำคัญใน นมผึ้ง” (Royal jelly)
- วิตามินบี 1 และ วิตามินบี 2
- โปรตีน
- 10-HDA (10 Hydroxy Decenoic Acid)
- น้ำ
- ไขมัน
- แอสติโคลีน (Asetikolin)
- กรดนิโคเตนิก (Nicotinic Acid)
- คารโบไฮเดรต
- กรดแพนโตเตนิก (Pantothenic Acid)
- ไบโอติน (Biotin)
- อินโนซิตอล (Inositol)

กาโนเดอร์มา ลูซิดัม เอ็กซีเลียม (Ganoderma lucidum Excellium)
- โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide)
- ไตรเทอร์ปิน (Trittepene)
- โปรตีน
- ออแกนิค เยอร์มาเนียม (Organic Germanium)
- เอ็นไซม์ (Super oxide dismutase isozyme)
- เส้นใย
- อัลคาลอยด์ วิตามิต่างๆ เกลือแร่ สตอรอล และกรดไขมันที่จำเป็น

ประโยชน์ที่ได้จากรอยัลเอ็กซีเลี่ยม
-      ฟื้นฟูสภาพผิว
-      บำรุงสมอง ลดความเครียด
-      บำรุงม้าม เสริมภูมิต้านทาน
-      ต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านลูคีเมีย
-      ปรับสมดุลฮอร์โมน
-      ลดการอักเสบของผิว
    -      สมานแผล  




ติดต่อสอบถาม  คุณสุ     
                                          
                                       092-7780517